EIC ห่วงสงครามยูเครน กระทบส่งออกไทย มี.ค.-เม.ย. นี้

EIC ไทยพาณิชย์ จ่อปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ จับตาสงครามรัสเซีย-ยูเครนกระทบส่งออก มี.ค.-เม.ย. โดยเฉพาะส่งออกไปยุโรป หลังเดือน ก.พ. ยังไม่ได้รับผลกระทบ-ขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 12 มองข้างหน้าคาดยังขยายตัวได้จากปัจจัยหนุนด้านราคา

วันที่ 26 มีนาคม 2565 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า EIC จะปรับประมาณการการส่งออกของไทย และตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ และเผยแพร่ใน EIC Outlook ในปลายเดือนมีนาคมนี้ ล่าสุด ส่งออกไทยยังขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 โดยผลกระทบจากสงครามในยูเครนยังไม่ส่งผลต่อการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์

ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนนี้ขยายตัว 16.2% เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 8% โดยหากพิจารณาเทียบกับเดือนมกราคม (ปรับผลของฤดูกาล) การส่งออกจะขยายตัว 4.4% (MOM, SA) สอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกของประเทศสำคัญหลายประเทศทั่วโลก และดัชนีชี้นำกิจกรรมการผลิตทั่วโลกที่กลับมาเร่งตัวได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หลังชะลอตัวลงจากผลกระทบของโอมิครอนในเดือนมกราคม

โดย EIC คาดว่าการส่งออกและนำเข้าของไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า แต่จะเป็นผลจากปัจจัยทางด้านราคามากกว่าปริมาณ ซึ่งจะแตกต่างจากสถานการณ์ในช่วงปี 2564 ที่เป็นผลจากการขยายตัวด้านปริมาณเป็นหลักตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยในปีนี้ ปริมาณการส่งออกไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากผลของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจทำให้อุปสงค์โลกชะลอตัว โดยเฉพาะในตลาดยุโรป

อีกทั้ง ยังได้รับผลกระทบผ่านระดับราคาโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าพลังงานและวัตถุดิบการผลิตที่สำคัญหลายชนิด ตามมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อรัสเซียและความเสี่ยงต่อการชะงักงันด้านอุปทานที่เพิ่มขึ้น

ส่งออก ก.พ. 65 ขยายตัว 16.2%
ด้านมูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ขยายตัว 16.2% เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 8% ในขณะที่การนำเข้าสินค้าขยายตัว 16.8% ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 20.5% โดยถึงแม้ว่าดุลการค้าในเดือนนี้จะเกินดุล 123.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อรวมกับข้อมูลในเดือนมกราคมจะยังคงขาดดุลที่ -2,403.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในเดือนนี้กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งออกและนำเข้ารายสินค้าในเดือนมกราคม เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงรหัสสถิติสินค้าตามพิกัดศุลกากร ซึ่งดำเนินการในทุก 5 ปี

สำหรับการส่งออกสินค้ารายตลาด กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวมากที่สุดเป็น 5 ลำดับแรก ได้แก่ รัสเซีย (33.4%), อาเซียน 5 (31.5%), ฮ่องกง (29.8%), เกาหลีใต้ (28.9%) และสหรัฐฯ (27.2%)

ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครน เนื่องจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยการส่งออกในเดือนนี้ยังมีทิศทางขยายตัว โดยหากพิจารณาเทียบกับเดือนมกราคม (ปรับผลของฤดูกาล) การส่งออกจะขยายตัว 4.4% (MOM, SA) สอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกของประเทศสำคัญหลายประเทศทั่วโลก และดัชนีชี้นำกิจกรรมการผลิตทั้ง Global Manufacturing PMI – Export Orders และ Manufacturing PMI ที่กลับมาเร่งตัวได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หลังชะลอตัวลงจากผลกระทบของโอมิครอนในเดือนมกราคม

มี.ค.-เม.ย. รัสเซีย-ยูเครนกระทบส่งออก
โดยการส่งออกของไทยอาจเริ่มเห็นผลกระทบจากสงครามในยูเครนในเดือนมีนาคม-เมษายน โดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาข้อมูลการส่งออก 20 วันแรกของเดือนมีนาคมของเกาหลีใต้ก็จะพบว่ายังมีแนวโน้มที่ดีอยู่

แต่ขยายตัวจากปัจจัยทางด้านราคามากกว่าปริมาณ โดยจะแตกต่างจากสถานการณ์ในปี 2564 ที่เป็นผลจากการขยายตัวด้านปริมาณเป็นหลักตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การขยายตัวด้านราคาสินค้าส่งออกในปีนี้
จะเป็นผลจากระดับราคาสินค้าและโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าพลังงาน จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกโภคภัณฑ์ที่สำคัญหลายชนิด เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะอุตสาหกรรม และวัตถุดิบทางการเกษตร ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าและราคาส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปีนี้

มองปี 65 ชะลอตัวจากสงคราม
โดยถึงแม้เศรษฐกิจโลกในปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะส่งผลต่อการชะลอตัวของอุปสงค์โลก รวมถึงการชะงักงันด้านอุปทานและมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อรัสเซียที่อาจเริ่มเห็นถึงผลกระทบในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน แต่ปัจจัยด้านราคาที่สูงขึ้นยังเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญของการขยายตัวของการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ ปีนี้มีปัจจัยบวกที่หนุนการส่งออกของไทยเพิ่มเติม คือความคืบหน้าในด้านการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย โดยล่าสุดคณะกรรมการอาหารและยาของซาอุดีอาระเบียได้อนุญาตให้นำเข้าไก่จาก 11 โรงงานของไทยได้ โดยไทยจะเริ่มต้นส่งออกไก่ให้กับซาอุดีอาระเบียในต้นเดือนเมษายน 2565

นอกจากนี้ ไทยยังมีโอกาสในการเจาะตลาดสินค้ากลุ่มอาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน และสินค้าอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ ในซาอุดีอาระเบียในระยะต่อไป นอกจากนี้ การทำสนธิสัญญาการค้าระหว่างไทยและรัฐหรือเมืองต่าง ๆ ในอินเดีย จีน เกาหลี และญี่ปุ่น รวมถึงการทยอยเปิดการค้าชายแดนกับเพื่อนบ้านในอาเซียนก็จะเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีเช่นเดียวกัน

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance