AH โชว์กำไรปี 64 โตแกร่งกว่า 1 พันล้านบาท

“อาปิโก ไฮเทค” ประกาศผลประกอบการปี 2564 ทำรายได้ 20,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% กำไรสุทธิ 1,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 876 ล้านบาท หรือ 593% จากรายได้ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ที่เติบโต 24% และธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่เติบโต 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยี การเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) เปิดเผยผลประกอบการปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 20,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 1,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 876 ล้านบาท หรือ 593% เทียบกับปีก่อน ซึ่งผลกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อัตราส่วนการทำกำไรของบริษัทในปี2564 สูงกว่าปี2563 เป็นอย่างมาก

โดยภาพรวมการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2564 มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 24% และธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ 2% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยอดผลิตในประเทศยังคงเติบที่ 18% ตามที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงยอดผลิตรถยนต์ในประเทศสำหรับปี 2564 ที่ประมาณ 1.69 ล้านคัน แสดงให้เห็นรายได้ของบริษัทที่ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรม โดยผลกำไรฟื้นตัวเด่นกว่าอุตสาหกรรม และบริษัทยังรับผลบวกจากการที่บริษัทชิ้นส่วนคู่แข่งปิดตัวไปในช่วงสถานการณ์ COVID-19

ส่วนธุรกิจของบริษัทลูกที่จีนในสาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีผลกระทบจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทั้งในประเทศไทยและมาเลเซียที่เติบโตลดลง เนื่องจากปัญหาที่เกิดจากโควิด-19 เป็นหลัก แต่โดยรวมแล้วในปี 2564 ผลการดำเนินงานเของบริษัทยังคงเป็นไปตามแผนและดีกว่าปี 2563 ที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ

นายเย็บ ซู ชวน บอกเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มภาพรวมการเติบโตปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสถานการณ์การขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่กลางปี 2565 เป็นต้นไป อีกทั้งยังเป็นช่วงเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ของรถ (Model Change) โดยเฉลี่ยทุก 5 ปี และบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ที่เป็น global market สำหรับชิ้นส่วนรถกระบะ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนใหม่มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทจากลุ่มลูกค้ายุโรป คาดธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จะดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย โดยคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้นหลังจากได้เริ่มจำหน่ายรถยนต์ MG และ Mazda ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2565 นี้ นอกจากนี้ ยังมีผลบวกจากการที่รัฐบาลมาเลเซียมีการต่ออายุนโยบายลดภาษีรถยนต์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ธุรกิจรถยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัว

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket