เคาะ 6 เกณฑ์คุมคริปโตฯ ขีดเส้น 30 วันแก้ไขการดำเนินธุรกิจ

ก.ล.ต.และ ธปท.ออก 6 หลักเกณกำกับการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่สนับสนุนการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าหรือบริการ (Means of Payment) มีผลบังคับใช้ 1 เม.ย.65 ขยายเวลาจาก 15 วันเป็น 30 วันให้ธุรกิจปฏิบัติตามเกณฑ์ แจ้งหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่กระทบการลงทุน

วันนี้ (24 มี.ค.) นายสุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับตลาด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า หลังที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2565 ได้มีมติเห็นชอบหลักการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการจำกัดการให้บริการนำสินทรัพย์ดิจิทัลในการจำกัดการให้บริการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งปรับปรุงตามข้อเสนอแนะที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง (ระหว่างวันที่ 25 มกราคม ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2565) ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น

โดยสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ทำการตรวจสอบมาในระยะเวลาหนึ่งและเห็นถึงตัวเร่งที่สำคัญที่จะทำให้ความเสี่ยงในการใช้เหรียญชำระค่าสินค้าและบริการมีเพิ่มมากขึ้น โดยตัวเร่งดังกล่าวมาจากการทำธุรกรรมทางการเงินที่ง่ายขึ้น มีการสแกนคิวอาร์โค้ดชำระค่าสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และระบบเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงต่อประชาชนหรือผู้ลงทุนและธุรกิจ

ทาง ธปท.และ ก.ล.ต.จำเป็นต้องเข้ามากำกับดูแล โดยหลักเกณฑ์การกำกับดูแลในครั้งนี้ระบุว่าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทจะต้องไม่ให้บริการ สนับสนุนหรือส่งเสริมการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ดัง 6 ข้อต่อไปนี้

1.ไม่โฆษณา ชักชวน หรือแสดงตนว่าพร้อมเป็นผู้ให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ

2.ไม่จัดทำระบบ หรือเครื่องมือในการชำระค่าสินค้าและบริการ

3.ไม่เปิด Wallet เพื่อนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ

4.ไม่ให้บริการโอนเงินบาท ซึ่งเป็นการโอนจากบัญชีของลูกค้าไปยังบัญชีของบุคคลอื่น

5.ไม่ให้บริการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลจากบัญชีของลูกค้าไปยังบัญชีอื่น

6.ไม่ให้บริการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการสนับสนุนการรับชำระค่าสินค้าและบริการ

สำหรับหลักเกณฑ์กำกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ประกอบการที่ให้บริการอยู่ก่อนและพบว่าเข้าค่ายผิดหลักเกณฑ์จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ หากลูกค้ามีบัญชีที่เปิดไว้สำหรับซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อนำไปใช้ในการชำระสินค้าและบริการให้ผู้ประกอบการ ทาง ก.ล.ต.จะมีการส่งข้อความเพื่อแจ้งเตือน หากลูกค้ายังดำเนินการอยู่จะต้องถูกดำเนินการรวมถึงถูกระงับการใช้บริการชั่วคราว หรือยกเลิกการให้บริการ

“อย่างไรก็ดี นอกจากผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจะไม่สามารถให้บริการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าสินค้าหรือบริการเองแล้ว ตัวประกาศของ ก.ล.ต. ยังกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องตรวจสอบบัญชีต่างๆ ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการใช้บัญชีเพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการหรือไม่ พฤติกรรมเหล่านี้ เช่น การรับสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาและขายออกทันที หรือการถอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกไปและกลับเข้ามาในอีกบัญชีในตัวเงินใกล้เคียงกัน” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ด้านนายพงศ์ธวัช โพธิกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ทำให้เกิดผลกระทบ 2 กลุ่มคือ ประชาชนและผู้ประกอบการที่ราคาอาจผันผวน เนื่องจากยอดการใช้จ่ายของผู้ซื้อหรือรายรับของผู้ขายมีความไม่แน่นอน

ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการฟอกเงินและเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม และอีกกลุ่มคือระบบเศรษฐกิจการเงินซึ่งเป็นผลกระทบใหญ่ที่ทำให้แบงก์ชาติจะไม่สามารถเข้ามาดูแลภาวะการเงินได้ เนื่องจากคนจะถือครองเงินบาทน้อยลง ซึ่งแบงก์ชาติไม่สามารถปล่อยสภาพคล่องในรูปแบบที่ไม่ใช่เงินบาทได้

ทั้งนี้ ทาง ก.ล.ต.และ ธปท.ชี้แจ้งเพิ่มเติมว่าในส่วนของหลักเกณฑ์ที่ออกมานี้จะเป็นการกำกับดูแลผู้ประกอบการเป็นหลัก ในส่วนของนักลงทุนยังสามารถลงทุนได้ตามปกติเนื่องจากจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket/